top of page

วรรณกรรมคลาสสิก : ถึงเวลาชำระบาปให้เหล่าตัวร้ายที่ (เรา) รัก

  • Writer: MoveToMoon
    MoveToMoon
  • Oct 11, 2021
  • 1 min read

Updated: Oct 29, 2021


“วรรณกรรมคลาสสิก คือ วรรณกรรมที่ผ่านการพิสูจน์ด้วยเวลาและครองใจผู้อ่านมาอย่างยาวนาน”
- ดันพาวน



นี่คือคำพูดของดันพาวน หรือ เนย์ เด็กสาวจากเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผู้ซึ่งหลงใหลในวรรณกรรมคลาสสิก เธอเชื่ออย่างสุดใจว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน วรรณกรรมคลาสสิก ก็ยังคงคลาสสิกตลอดไป หยิบขึ้นมาอ่านเมื่อไรก็ยังคงประทับใจไม่รู้ลืม



คำว่า ‘คลาสสิก’ คือ สิ่งที่ทำตามแบบแผน, ที่มีลักษณะสมบูรณ์จนถือเป็นแบบอย่างได้, ที่มีมาตรฐานสูง หรือมีคุณค่ายิ่ง.



แต่ในระหว่างสัมภาษณ์เธอมักย้ำเสมอว่า วรรกรรมคลาสสิกไม่จำเป็นต้องมีอายุมากถึง 100 - 200 ปี แต่หากคุณหยิบวรรณกรรมสักเล่มขึ้นมาอ่านแล้วรู้สึกว่ามันเชื่อมโยง กับชีวิตคุณได้นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเรียกวรรณกรรมนั้นว่า วรรณกรรรมคลาสสิก



ด้วยความที่เธอเป็นเด็กสาว GEN Z และเติบโตในยุค Enlightenment หรือยุคแห่งการตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบ ดังนั้นวรรณกรรมคลาสสิกหลายๆ เรื่องที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน ต้องยอมรับเลยว่าอีกไม่นานวรรณกรรมเหล่านั้นอาจจะโดน ‘แหก’ โดยเด็กรุ่นใหม่ที่กล้าตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งการวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเช่นนี้นำมาซึ่งเทรนด์สุดฮิตอย่าง ‘ตัวร้ายที่ (เรา) รัก’





ความเป็นมนุษย์มันเทา มันแยกสีขาวหรือดำไม่ได้หรอก

จากตัวร้ายที่ร้ายจนพวกเราขยาดและหวาดกลัว กลับกลายมาเป็นตัวละครโปรดของใครหลายๆ คน ด้วยการตีความใหม่จากคนรุ่นใหม่ ซึ่งการตีความใหม่นี้ทำให้ผู้บริโภคหลายๆ คนถึงกับต้องย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่า ‘ตัวร้ายนั้นร้ายจริงหรือไม่’




ซึ่งดันพาวนเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ลุกขึ้นมาตั้งคำถามเกี่ยวกับการกระทำของตัวละครในวรรณกรรมหลายๆ เรื่อง โดยตัวละครที่เธอหยิบยกขึ้นมาพูดในประเด็นนี้ก็คือ ศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้ จากนวนิยายสืบสวนชื่อดังเรื่องเชอร์ล็อก โฮมส์ ของเซอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์






ตัวละครเจมส์ มอริอาร์ตี้ถูกตีความใหม่และได้รับการดัดแปลงเป็นซีรีส์อนิเมะโทรทัศน์โดยสตูดิโอ Production I.G ซึ่งต้องยอมรับว่าอนิเมะเรื่องนี้สามารถสะบัดคราบความร้ายกาจอย่างไร้เหตุผลของมอริอาร์ตี้ได้อย่างหมดจด อีกทั้งยังแต่งเติมให้เรื่องราวของเชอร์ล็อก โฮมส์ มีสีสันขึ้นไปอีกระดับ



“ปกติเราจะรู้จักแค่โฮมส์ โฮมส์คือตัวเด่น แต่การย้อนภูมิหลังตัวละครอย่างมอรอาร์ตี้หรือการพยายามตีความตัวละครในมุมมองใหม่ๆ ทำให้เรื่องราวมันสนุกขึ้น กลมกล่อมขึ้น เราคิดว่าการกระทำของคนทุกคนล้วนต้องมีเหตุผล ความเป็นมนุษย์มันเทา มันแยกสีขาวหรือดำไม่ได้หรอก”



นอกจากนี้เธอยังกล่าวต่อในประเด็นตัวละครเอกที่มักถูกสถาปนาให้เป็นคนดีว่า



“ในยุคสมัยก่อนผู้ผลิตมักยัดเยียดให้เรามองทุกอย่างผ่านเลนส์ของตัวละครเอก ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับคำกล่าวที่ว่าใครชนะจะได้เขียนประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าตัวร้ายย่อมเป็นผู้แพ้เสมอ และตัวละครเอกก็จะกลายเป็นคนดีตลอดไป ซึ่งมันอาจจะไม่จริงก็ได้ ปัจจุบันเทรนด์การบริโภคสื่อมันเปลี่ยนไปแล้ว หากมองทุกอย่างให้มันกลมขึ้นตัวละครเอกเองก็อาจเคยทำอะไรไม่ดีมาก่อนก็ได้”





ถ้าเราไม่รู้ราก เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรามาไกลเเค่ไหนเเล้ว

ถึงแม้เธอจะชื่นชอบการตีความตัวละครในมุมมองใหม่มากเพียงไร แต่เธอก็ยังยืนยันว่าทุกการตีความควรเคารพต้นฉบับเดิม แม้บางเรื่องราวในวรรณกรรมอาจจะขัดใจหรือ ‘บ้ง’ ในความคิดของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน แต่หากมองในอีกมุมวรรณกรรมคลาสสิกเป็นเสมือนกระจกสะท้อนความคิด ความเชื่อ และความเป็นอยู่ของคนในยุคสมัยนั้น ดังนั้นการเอาแว่นตาของคนในยุคปัจจุบันไปตัดสินถูกผิดก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรเท่าไรนัก



“มันคือการศึกษารากวัฒนธรรมของมนุษยชาตินะ ถ้าเราไม่รู้รากเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรามาไกลเเค่ไหนเเล้ว เมื่อเรานำวรรณกรรมมารีไรต์หรือรีเมกให้มันเข้ากับยุคสมัย มันจะมีทำให้เกิดการเปรียบเทียบ เพราะงั้นเราจะได้เห็นเลยว่าสังคมของเรามันมาไกลมากเลยนะ”





ในปัจจุบันมีตัวร้ายมากมายที่ได้รับการตีความใหม่จากนักสร้างสรรค์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น มาเลฟิเซนต์ ตัวร้ายจากเรื่องเจ้าหญิงนิทรา , ผีเสื้อสมุทร นางยักษ์จากเรื่องพระอภัยมณี รวมไปถึงตัวร้ายที่ถูกสาปให้ร้ายมานานหลายร้อยปีอย่างเมดูซ่า บัดนี้พวกเธอได้รับการชำระบาปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายๆ คนเข้าใจและสงสารเธอมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีตัวร้ายอีกหลายตัวที่ยังไม่ถูกชำระบาป และยังถูกตีตราให้เป็นคนผิด



ฉะนั้นคุณอยากให้ตัวร้ายตัวไหนได้รับการชำระบาปบ้าง

อย่าลืมคอมเม้นต์บอกกันนะคะ








[ ช่วง ค้นชั้นหนังสือ ]


ก่อนจากกันเราได้ขอให้ดันพาวนแนะนำวรรณกรรมคลาสสิกที่ควรค่าแก่การอ่านอย่างยิ่ง โดยเธอได้แนะนำวรรณกรรมอมตะอย่าง การเดินทางของกัลลิเวอร์ (Gulliver's Travels) ของโจนาทาน สวิฟต์ นักเขียนและนักบวชชาวไอริช สำนวนแปลของอัจฉรา ประดิษฐ์



“วรรณกรรมเรื่องนี้ได้มีโอกาสอ่านตอนปีหนึ่ง เรารู้สึกว่ามันไม่เก่าเลยขนาดผ่านมาแล้วเป็นร้อยๆ ปี เนื้อหาภายในเรื่องยังคงเสียดสีมนุษย์ได้อย่างหลายมิติ ทำให้เราเข้าใจมนุษย์มากขึ้น โดยแต่ละเกาะที่กัลลิเวอร์ไปมันก็มีประเด็นให้เราฉุกคิดอะไรได้หลายอย่าง”




แต่สำหรับใครที่ขยาดหรือกังวลว่าวรรณกรรมคลาสสิกจะอ่านยาก เธอได้ให้คำแนะนำไว้ว่า


“อยากให้ลองเปิดใจก่อน หากไม่ดีจริงวรรณกรรมคลาสสิกบางเรื่องคงไม่อยู่มาถึงตอนนี้ บางเรื่องไม่ได้มีดีเพียงภาพสะท้อนสังคม แต่ยังให้ความอบอุ่นหัวใจ ให้ความรู้สึกที่ยุคสมัยปัจจุบันอาจให้ไม่ได้ ดังนั้นอยากให้คุณลองเปิดใจก่อนค่ะ”




อ้างอิง :

https://th.wikipedia.org/wiki/มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ


 
 
 

Comments


Anchor 1
bottom of page